วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

AI613 Class6 lecture summary

ตัวอย่างคลาสสิกที่ของ E-Business ที่เป็น E-commerce เช่น
- Dell ให้ลูกค้าซื้อสินค้า โดยระบุ spec เองได้ผ่านทาง Internet ทำให้ตั้งราคาสูงได้ อย่างไรก็ตาม ต่อมาเมื่อคู่แข่งเยอะ ทำให้ Dell ต้องขายให้ได้จำนวนมากเช่นเดียวกับคู่แข่งอื่นๆ โดยมี Customer Service อยู่ที่ India
- E-Bay เป็นเว็บไซต์ที่ให้คนเข้ามาประมูลขายของ
- Amazon เป็นเว็บไซต์ที่ขายหนังสือผ่านช่องทาง internet
- Click & Mortar มีการขายผ่านช่องทางทั้ง online and offline ในขณะที่ Brick& Mortar มีอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

รูปแบบของ E-Business แบ่งออกเป็น 3 ระดับดังนี้
1. Business-to-Business (B2B)
2. Business-to-Consumer (B2C)
3. Consumer-to-Consumer (C2C)

E-commerce Model
- Affiliate marketing หาคู่ค้า โดยมี code affiliate ประจำตัวต่อคู่ค้าแต่ละคน เมื่อมีลูกค้าซื้อสินค้าผ่านการเชื่อมโยงมาจากเว็ปไซต์ของคู่ค้า คู่ค้าจะได้เปอร์เซ็นต์จากการขาย
- Batering เว็ป คอนเซ็ปคือการแลกเปลี่ยน เช่น www.craigslist.com คนใช้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันฟรี เช่น แลกของ ซื้อของ, Couchsurfing.com คล้าย facebook ของนักท่องเที่ยว ถ้าไปเที่ยวที่ที่มีสมาชิกอยู่ก็ไปนอนบ้านเค้าก็ได้ หรือPriceline.com ใช้เวลาซื้อตั๋วเครื่องบิน โดยให้ลูกค้าแจ้งราคาที่ต้องการเข้าไป แล้ว Priceline ทำหน้าที่ Matching
- Online Advertisers, Marketers & Students เช่น facebook
- Company-sponsored Socially Oriented Sites เช่น eblogger
- API คือ Application Programming Interface เช่น iphone มี app เยอะ พวกนักพัฒนาจะต้องมี code API ของ apple ซึ่งเป็น Code โดยเฉพาะ เพื่อเอาไปสร้าง app เพื่อมาใช้กับ iphone ของค่าย apple ได้, Paypal ดีกว่าการตัดบัตรเครดิตปกติตรงที่มีความปลอดภัย และสามารถปริ้นใบเสร็จจาก Paypal แล้วเอาไปจ่ายเงินสดที่ธนาคารได้ นอกจากนี้ยังมี youtube และ google map

ประโยชน์ของ E-Commerce

- สามารถเปิดให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- ตัดปัญหาเรื่องการต่อรองราคาสินค้า
- ลดค่าใช้จ่ายในด้านการติดต่อ (Transaction Cost)
- เพิ่มโอกาสในการขายและการเปิดตลาดใหม่ ของ SMEs
- การประชาสัมพันธ์ทำได้ง่ายขึ้น
- ติดต่อลูกค้าสะดวกมากยิ่งขึ้น
- ขยายฐานลูกค้าได้ทั่วโลก

ข้อจำกัดของ E-Commerce
- Standard อาจจะไม่เหมือนกัน เนื่องจาก browser ที่ support ไม่เหมือนกัน
- ไม่ปลอดภัยจาก hacker ที่ขโมยข้อมูลระหว่างทาง
- กฎหมายการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์แตกต่างกันในแต่ละประเทศ

Social commerce/ Social shopping

เป็นแนวคิดที่ว่า การตัดสินใจของคนเรา มักจะเชื่อเพื่อนหรือคนรู้จักมากกว่าการโฆษณา ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่ว่าถ้ามีรูปเพื่อนถ่ายกับสินค้านั้นๆ แล้วก็สามารถ link ไปดูข้อมูลสินค้า แล้วซื้อสินค้าได้เลย ซึ่งในอนาคต พวก Social Network เช่น facebook อาจจะมี และอาจกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญของ Google หาก Facebook สามารถสร้าง Search engine ของตนเองขึ้นมาได้ Search Engine ของ facebook จะสามารถค้นหาความคิดเห็นที่มีต่อสินค้านั้นๆได้มากกว่า Google)

Blogging and Wiki เกี่ยวข้องกับ E-commerce
 

- E-Auction ประมูล เช่น Ubid , Ebay เป็นต้น
- E-Classifieds ซื้อได้เลย ไม่ต้อง bid เช่น Half.com
- Bartering and negotiation เช่น Swap.com
- B2B auctions
- Electronic Malls เช่น MSN Shopping, Cash back stores, Choice mall สามารถฝากขายสินค้าได้ ทำให้เหมือนผู้บริโภคไปเดินห้างของจริง
- Taradb2b.com
- Electronic Storefronts มีทั้งขายที่ห้างและขาย online ข้อดีก็คือได้หลายช่องทาง แต่ก็ต้องมี manager หลายคนคอยดูแลเสมอ
- Customer Service online เช่น AIS, DTAC, True
- Online Job market เช่น Dice JobCentral Monster เป็นต้น
- Travel Services เช่น จองตั๋วเครื่องบิน รถเช่า โรงแรม เช่น HotelThailand.com

Ethical and legal Issue
สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ ความปลอดภัยของข้อมูล
- ต้องพิจารณารูปกุญแจที่ปรากฏในเว็บ browser
- ดู review ในเว็บว่าเค้าว่ายังไงกันดูจาก Consumerlist.com


Presentation

Cloud computing คือวิธีการประมวลผลที่มีจุดเด่นในการประมวลผลที่อิงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยเมื่อผู้ใช้ระบุความต้องการไปยังระบบ ระบบจะทำการจัดสรรทรัพยากรให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ สามารถขยายหรือปรับเปลี่ยนได้ตาม Service Provider มีลักษณะที่สำคัญ 5 ประการ
1.On demand
2.Board Network Access
3.Resource Pooling
4.Rapid Elasticity
5.Measured Service

ประโยชน์ของ Cloud computing มีอยู่หลายประการ ได้แก่
 
- Cost saving เนื่องจากการให้บริการผ่าน Cloud Computing เป็นระบบการให้บริการแบบ Share ทรัพยากรทั้งส่วนจัดเก็บข้อมูล Application และการประมวลผลบนInternet จึงเกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of scale)
- Scalability สามารถเลือกใช้บริการเฉพาะอย่างและเลือกเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนให้ตรงกับความต้องการเฉพาะด้านหรือสอดคล้องกับงบประมาณของตนได้
- Access to top-end IT capabilities ทำให้สามารถเข้าถึงทรัพยากรด้าน IT ที่ดีได้ โดยไม่ต้องมีเงินลงทุนจำนวนมาก
- Focusing on core competencies ทำให้องค์กรสามารถFocusจุดแข็งขององค์กรได้ โดยไม่ต้องแบ่งมาลงทุนด้าน IT
- Efficient asset utilization ใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากระบบมีการ share ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
 

Health Informatics คือ การนำข้อมูลที่เกี่ยวกับทางด้านสุขภาพมาผนวกกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อนำมาใช้ในการจัดการทรัพยากร ใช้พัฒนาข้อมูลเกี่ยวกับสาธารณสุข และนำมาพัฒนาปรับปรุงวิธีการได้มา การเก็บรักษาและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เกี่ยวสุขภาพ โดยแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
1.ข้อมูลด้านประชากร เศรษฐกิจและสังคม
2. ด้านสุขภาพ ตั้งแต่เกิดจนตาย
3.ทรัพยากรบุคลของคนที่ทำงานด้านสาธารณสุข
4.กิจกรรมสาธารณสุข
5.บริหารจัดการ
หรือสามารถแบ่งเป็น 3 ประเภทตามภารกิจได้แก่

1.สาธารณสุขเพื่อการบริหาร
2.สาธารณสุขเพื่อการบริการ
3.สาธารณสุขเพื่อการวิชาการ


Web 2.0 คือ Website ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีลักษณะสำคัญ 7 ประการ คือ

1. Network as platform สามารถใช้งานผ่าน Web Browser ได้ โดยไม่ต้องโหลดเข้ามาในเครื่อง
2. ผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของข้อมูลบน "website" นั้น สามารถดำเนินการใดๆ ก็ได้กับข้อมูลนั้น
3. ผู้ใช้มีส่วนร่วมมากขึ้นไม่ใช่แค่อ่านได้อย่างเดียว
4. มี User interface ที่ดีขึ้น
5. สามารถโต้ตอบกันได้
6. มีความรวดเร็วและง่ายในการส่งข้อมูลมากขึ้น
7. มีการเอา Function ใช้งานจากหลายเว็บรวมเข้าด้วยกัน

เปรียบเทียบ Web 1.0 กับ Web 2.0

Web 1.0 จะเป็นการสื่อสารทางเดียว คือจากเจ้าของเว็ปไซต์ซึ่งเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถใส่ข้อมูลลงในเว็บนั้นได้ แต่ Web 2.0 ทั้งเจ้าของและผู้ใช้สามารถโต้ตอบกันได้ โดยเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้เว็บทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น AJAX ทำให้เว็ปทำงานเร็วขึ้น, SaaS(Software as service) เป็นซอฟแวร์บนเว็บที่ให้บริการโดยไม่ต้องซื้อ, RSS เป็นการอัพเดต content,ข้อมูลใหม่ๆ และตัวอย่างเว็บไซต์ยุค Web 2.0 ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก YouTube, MySpace, Facebook, Wikipedia เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น